เมนูนำทาง
โกลด มอแน ชีวิตเบื้องต้นมอแนเกิดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1840 บนชั้น 5 ของบ้านเลขที่ 45 ถนนเลออาฟวร์ตเขต 9 ในปารีส[3] เป็นลูกชายคนที่สองของโกลด อาดอลฟ์ และลุย จุสตีน โอเบรผู้เป็นนักร้อง ทั้งสองคนเป็นชาวปารีสชั่วคนที่สอง มอแนรับศึลจุ่มเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมปีต่อมาที่วัดนอเทรอดามเดอโลเร็ต ในชื่อ อ็อสการ์ โกลด[3] เมื่อปี ค.ศ. 1845, ครอบครัวของมอแนย้ายไปเมืองเลออาฟวร์ (Le Havre) ในนอร์ม็องดีทางเหนือของฝรั่งเศส พ่อของมอแนอยากให้มอแนทำกิจการร้านขายของชำของครอบครัวแต่มอแนอยากเป็นศิลปิน
เมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1851 มอแนก็เข้าเรียนศิลปะที่โรงเรียนมัธยมศิลปะที่เลออาฟวร์ และเป็นที่รู้จักกันในฝีมือการเขียนรูปการ์ตูน (caricature) ด้วยถ่านที่มอแนขายในราคา 10 ถึง 20 ฟรังส์ นอกจากนั้นมอแนก็ยังเรียนการเขียนภาพเป็นครั้งแรกกับฌัก-ฟร็องซัว โอชารด์ (Jacques-François Ochard) ผู้เป็นลูกศิษย์ของฌัก-หลุยส์ ดาวิด (Jacques-Louis David) ระหว่างปี ค.ศ. 1856-1857 มอแนพบยูจีน บูแดง (Eugène Boudin) ผู้เป็นจิตรกรและผู้ที่มอแนถือว่าเป็นครูและเป็นผู้สอนให้มอแนวาดภาพด้วยด้วยสีน้ำมัน และสอนวิธีวาดภาพ “นอกสถานที่” (en plein air)[4]
แม่ของมอแนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1857 เมื่อมอแนอายุได้ 16 มอแนก็ลาออกจากโรงเรียนไปอยู่กับน้ามารี จอง เลอคาเดร (Marie-Jeanne Lecadre) ผู้เป็นแม่ม่ายและไม่มีลูกของตนเอง
เมื่อมอแนไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่ปารีส มอแนพบว่างานเขียนที่เห็นในพิพิธภัณฑ์เป็นภาพที่ลอกมาจากภาพของครูบาสมัยเก่า แทนที่จะนั่งลอกภาพเขียนที่แขวนในพิพิธภัณฑ์ มอแนก็กลับเอาขาหยั่งไปตั้งริมหน้าต่างและวาดภาพสิ่งที่เห็นนอกหน้าต่าง มอแนอยู่ปารีสเป็นเวลาหลายปีและได้พบจิตรกรหลายคนผู้กลายมาเป็นเพื่อนและจิตรกรลัทธิประทับใจร่วมสมัยของมอแน เพื่อนคนหนึ่งของมอแนคือเอดวด มาเนท์
เมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1861 มอแนสมัครเป็นทหารกับกอง First Regiment of African Light Cavalry ในประเทศแอลจีเรีย มอแนเป็นทหารอยู่ได้สองปีก็เป็นไข้ไทฟอยด์ มาดามเลอคาเดรจึงให้มอแนลาออกจากการเป็นทหารโดยให้สัญญาว่าต้องไปเรียนวิชาศิลปะต่อให้จบที่มหาวิทยาลัย อาจจะเป็นได้ว่าโยฮันน์ ยองคินด์ (Johan Jongkind) จิตรกรชาวเนเธอร์แลนด์ผู้มอแนรู้จัก มีส่วนในการให้ข้อเสนอแนะนี้ แต่มอแนก็ไม่พอใจกับทฤษฏีการสอนตามแบบที่ทำกันมาของมหาวิทยาลัย ในปี ค.ศ. 1862 มอแนก็ไปเป็นลูกศิษย์ของมาร์ค ชาร์ล เกเบรียล เกลร์ (Marc-Charles-Gabriel Gleyre) ที่ปารีสซึ่งเป็นที่ที่มอแนได้พบปีแยร์ ออกุสต์ เรอนัวร์, เฟรเดริก บาซีย์ (Frédéric Bazille) และอัลเฟรด ซิสลีย์ สามคนนี้ก็มีแนวนิยมในการเขียนภาพแบบใหม่ร่วมกัน--การเขียนที่พิจารณาถึงผลของแสงที่มีต่อสิ่งที่วาดนอกสถานที่ การใช้แสงแตกหัก และฝีแปรงที่หยาบที่กลายมาเป็นลักษณะลัทธิประทับใจที่เรารู้จักกันทุกวันนี้
เมื่อปี ค.ศ. 1866 มอแนเขียนภาพ “กามีย์” (Camille) และ “ผู้หญิงในชุดเขียว” (La Femme à la Robe Verte) ซึ่งเป็นภาพที่นำชื่อเสียงมาสู่มอแน และเป็นภาพในบรรดาหลายภาพที่มอแนเขียนโดยมีกามีย์ ดองโซเป็นแบบ หลังจากนั้นไม่นานกามีย์ก็ท้องและมีลูกคนแรกด้วยกันกับมอแน--ชอง มอแน เมื่อปี ค.ศ. 1866 มอแนพยายามกระโดดน้ำฆ่าตัวตายซึ่งคงมาจากปัญหาความขัดสน
หลังจากเกิดสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซียเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 มอแนก็ลี้ภัยไปอยู่อังกฤษเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1870 [5] ขณะที่อยู่ที่นั่นมอแนก็ศึกษางานภาพภูมิทัศน์ของ จอห์น คอนสตาเบิล (John Constable) และ วิลเลียม เทอร์เนอร์ (William Turner) ซึ่งมามีอิทธิพลต่อการศึกษาเรื่องการใช้สี เมื่อฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ. 1871 ทางราชสถาบันศิลปะ (Royal Academy) ไม่ยอมแสดงผลงานของมอแน[6]
เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1871 มอแนก็ย้ายจากลอนดอนไปซานดาม (Zaandam) ในประเทศเนเธอร์แลนด์[6] ซึ่งเป็นที่มอแนเขียนภาพ 25 ภาพ (เป็นที่ที่ตำรวจสงสัยว่ามอแนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ[7]) จากซานดามมอแนก็มีโอกาสไปอัมสเตอร์ดัมซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ประมาณเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1871 มอแนก็ย้ายกลับปารีส ระหว่างเดือนธันวาคม ค.ศ. 1871 ถึง ค.ศ. 1878 มอแนอาศัยอยู่ที่อาร์ฌ็องเตย (Argenteuil) ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมฝั่งแม่น้ำเซนใกล้ปารีส และเป็นที่ที่มอแนวาดภาพที่กลายมาเป็นภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของมอแน และเป็นภาพที่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายหลายภาพ ในปี ค.ศ. 1874 มอแนกลับไปเนเธอร์แลนด์อยู่ระยะหนึ่ง[8]
ประมาณปี ค.ศ. 1872 หรือ 1873 มอแนวาดภาพ “Impression, Sunrise” (Impression: soleil levant—ความประทับใจของพระอาทิตย์ขึ้น) ซึ่งเป็นภาพภูมิทัศน์ของเลออาฟวร์ ภาพนี้ตั้งแสดงที่งานนิทรรศการศิลปะลัทธิประทับใจครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1874 ในปัจจุบันตั้งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์มาโมแตง-มอแน ที่ปารีส หลุยส์ เลอรอยนักวิจารณ์ศิลปะเริ่มใช้คำ “อิมเพรสชันนิสม์” จากชื่อภาพในการบรรยายศิลปะลักษณะนี้อย่างเยาะ ๆ แต่จิตรกรลัทธิประทับใจนิยมคำและเริ่มใช้เรียกตัวเอง[9]
มอแนและกามีย์ ดองโซแต่งงานกันเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1870 ไม่นานก่อนเกิดสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย[6] พอปี ค.ศ. 1876 กามีย์ก็เริ่มป่วย หลังจากมีมิเชลลูกคนที่สองเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1878 สุขภาพของกามีย์ก็เสื่อมลง ในที่สุดก็เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 32 ปีด้วยวัณโรคเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1879 มอแนวาดภาพกามีย์บนเตียงที่กามีย์นอนป่วย[10][11]
เมนูนำทาง
โกลด มอแน ชีวิตเบื้องต้นใกล้เคียง
แหล่งที่มา
WikiPedia: โกลด มอแน http://www.artelino.com/articles/la_japonaise.asp http://www.artinthepicture.com/styles/Impressionis... http://www.fondation-monet.com/uk/propriete/index.... http://www.intermonet.com/biograph/autobigb.htm http://www.jimloy.com/arts/monet00.htm http://www.monetalia.com/biography.aspx http://simile.mit.edu/timeline/examples/monet/mone... http://monet.uffs.net http://web.archive.org/20021017204543/members.aol.... http://giverny.org/giverny/